หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหภาพยุโรปรายงานว่า ปี 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกที่โลกมีอุณหภูมิร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ซึ่งสวนทางกับความตั้งใจของทั้งโลกที่ควรจะพยายามจำกัดอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมภายใต้ข้อตกลงปารีส
ทั้งนี้ การที่โลกร้อนเกิน 1 องศาเซลเซียตลอดทั้งปี 2023 ยังไม่ได้เป็นการฉีกข้อตกลงปารีส แต่จะทำให้โลกเข้าใกล้จุดนั้นมากขึ้นในระยะยาว และหากมันเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง ก็จะนำไปสู่ผลกระทบที่จะสร้างความเสียหายมหาศาล
แหล่งน้ำแห่งใหม่ของระบบสุริยะ! พบมหาสมุทรใต้ผิว “ดวงจันทร์มิมาส”
ยูเครนลำบาก? ขีปนาวุธรัสเซีย 2 ชนิดหลบระบบป้องกันภัยทางอากาศได้
คาดฝูงวาฬเพชฌฆาตหลุดจากแพน้ำแข็งนอกชายฝั่งญี่ปุ่นแล้ว
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การดำเนินการเร่งด่วนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนยังคงสามารถชะลอภาวะโลกร้อนได้อยู่
ศ.ลิซ เบนท์ลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของ Royal Meteorological Society กล่าวว่า “การที่ภาวะโลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียสโดยเฉลี่ยต่อปีมีความสำคัญมาก … มันเป็นก้าวอีกก้าวหนึ่งที่มุ้งไปในทิศทางที่ผิด แต่เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร”
การจำกัดภาวะโลกร้อนในระยะยาวไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม หรือก่อนที่มนุษย์จะเริ่มเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมาก ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของความพยายามระหว่างประเทศในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานสำคัญของสหประชาชาติในปี 2018 ระบุว่า ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น คลื่นความร้อนที่รุนแรง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการสูญเสียสัตว์ป่า จะสูงขึ้นมากที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับอุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียส
แต่อุณหภูมิโลกกลับยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่ากังวล ข้อมูลจาก Copernicus Climate Change Service ของสหภาพยุโรปในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ช่วงเดือน ก.พ. 2023 ถึง ม.ค. 2024 อุณหภูมิเฉลี่ยโลกอุ่นขึ้นถึง 1.52 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ พื้นผิวน้ำทะเลของโลกก็มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา ซึ่งเป็นอีกสัญญาณอันตราย
แนวโน้มภาวะโลกร้อนในระยะยาวนั้นถูกขับเคลื่อนโดยกิจกรรมของมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย โดยส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งปล่อยก๊าซที่ทำให้โลกร้อน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ สิ่งนี้เป็นสาเหตุของความอบอุ่นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาด้วย
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ที่ทำให้โลกอุ่นขึ้นตามธรรมชาติที่เรียกว่า “เอลนีโญ” ได้ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเกือบทุกวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มเข้ามา และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024คำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม
ภาวะเอลนีโญคาดว่าจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิโลกคงที่ชั่วคราว จากนั้นจะลดลงเล็กน้อย โดยอาจกลับมาต่ำกว่าเกณฑ์ 1.5 องศาเซลเซียสได้
แต่กิจกรรมของมนุษย์จะยังคงส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นต่อไปในท้ายที่สุดในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า เว้นแต่จะมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ซาแมนธา เบอร์เจส รองผู้อำนวยการของ Copernicus กล่าวสรุปว่า “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น”
เรียบเรียงจาก BBC
9 ก.พ. ไหว้ตรุษจีน 2567 จุดธูปกี่ดอก เวลาไหนดี พร้อมทิศมงคลเสริมเฮง
กสิกร ชี้แจง ปัญหาเงินถูกถอนออกจากบัญชีเอง แนะ เก็บบัตร ATM – เดบิต ไว้กับตัว
สรุปจบประเด็นดราม่า! บ้านคุณยายพิธา-ตระกูลอภัยวงศ์